ศัลยกรรมตกเเต่งปลายจมูก
(Tip Rhinoplasty/Tip Plasty)
คือ การทำศัลยกรรมปลายจมูกให้ยาวขึ้น เล็กลง หรือเป็นทรงหยดน้ำ สำหรับท่านที่มีโครงจมูกที่สวยอยู่เเล้ว
เพียงทำศัลยกรรมปลายจมูกเพิ่ม หรือเกลาให้สั้นลงอีกเล็กน้อย ก็เพิ่มความคมชัด เเละจุดเด่นบนใบหน้าได้
สำหรับท่านที่เสริมจมูกมาแล้ว และต้องการศัลยกรรมปลายจมูกเพิ่มเติม ทำได้โดยการเสริมทรงจมูกด้วยซิลิโคนอ่อนร่วมกับการเสริมปลายจมูกโดยใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู หรือซิลิโคนอ่อน ทั้งนี้การตกเเต่งปลายจมูกด้วยวัสดุที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ และปัญหาของคนไข้แต่ละคน
ผู้ที่เหมาะสมในการผ่าตัดตกแต่งปลายจมูก
· ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากกระดูกโตเต็มที่เเล้ว
ข้อจำกัดในการผ่าตัดตกแต่งปลายจมูก
การผ่าตัดเพื่อแก้ไข หรือเพื่อเสริมความงามก็ตาม ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะผิวหนัง อายุ รูปทรง และความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับจมูก ดังนั้นคนไข้จึงควรปรึกษาศัลยแพทย์ถึงขั้นตอน และข้อจำกัดเหล่านี้อย่างละเอียดก่อนการผ่าตัดทุกครั้ง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดตกแต่งปลายจมูก
1. ควรปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวถึงความต้องการและความเป็นไปได้
2. เตรียมร่างกายให้พร้อม หากมีโรคประจำตัว โปรดแจ้งศัลยแพทย์ล่วงหน้า
3. งดยาหรืออาหารเสริม ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Ibuprofen อย่างน้อย 5 วันก่อนการผ่าตัด
4. งดวิตามิน หรือสมุนไพรที่ทานเป็นประจำ เช่น วิตามินอี เพราะจะทำให้เลือดหยุดยาก
5. งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
วัสดุที่ใช้ตกเเต่งปลายจมูกมี 3 แบบ ดังนี้
1. กระดูกอ่อนหลังหู
2. กระดูกอ่อนบริเวณปลายจมูก
3. ซิลิโคนที่ใช้สำหรับเเก้ไขปลายจมูกโดยเฉพาะ
เทคนิคผ่าตัดตกแต่งปลายจมูกที่ศัลยแพทย์นิยมใช้
การผ่าตัดแบบเปิด ( Open Technique )
คือ การเลือกผ่าตัดทั้งในและนอกจมูกบริเวณฐานจมูก
1. ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผล
2. จากนั้นค่อยๆ ทำการเลาะโพรงบริเวณปลายจมูก เพื่อสร้างช่องว่างระหว่างผิวหนังออกจากโครงสร้างจมูก
3. วางวัสดุในการตกแต่งในตำแหน่งที่กำหนดไว้ ซึ่งเทคนิคนี้มีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง จึงต้องผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ระยะเวลาในการผ่าตัดตกแต่งปลายจมูก
· ระงับความรู้สึกด้วยยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง
· ระงับความรู้สึกด้วยการดมยาสลบ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง
ขั้นตอนการดูเเลหลังผ่าตัดตกแต่งปลายจมูก
1. ประคบเย็น เพื่อระงับการบวมช้ำหลังการผ่าตัด (การบวมช้ำอาจเกิดขึ้นได้หลังทำ 2-3 วัน โดยมีการติดพลาสเตอร์ เเละสามารถเอาพลาสเตอร์ออกได้หลังทำ 3-5 วัน และมาตัดไหมหลังทำ 5-7 วัน)
2. หลังการผ่าตัดแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน และไปทำงานได้ปกติ
แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่าง เช่น
· หลีกเลี่ยงการสัมผัสแรงๆ เช่น การเเคะ การกระแทกจมูก การสั่งน้ำมูก และการขยี้จมูก
· งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
· หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ช่วง 3 สัปดาห์แรก
· หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เค็มจัด
ความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อน
· การติดเชื้อที่แผล (infection) หรือการทำความสะอาดที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดคราบเลือดบริเวณแผลผ่าตัด
โดยปกติแล้ว โอกาสการติดเชื้อค่อนข้างต่ำ (น้อยกว่า 1%)
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลแผลผ่าตัดของคนไข้ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก รวมทั้งปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกาย และ ภูมิต้านทานของคนไข้แต่ละรายด้วย
· เลือดคั่ง (Hematoma) ทำให้เกิดการบวมมาก หากภายใน 7 วันยังบวมอยู่ ให้นัดเพื่อเข้ามาพบศัลยแพทย์โดยทันที
· มีโอกาสเกิดแผลเป็น
· ผลข้างเคียงจากการดมยาสลบ ช่วง 1-2 วันหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ การพักผ่อนที่เพียงพอ จะช่วยให้หายเร็วขึ้น
· อาการบวม (Edema) จะลดลงหลังจากการผ่าตัด 2 สัปดาห์ และรูปทรงจมูกจะค่อยๆ เข้าที่ เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นภายใน 6–12 เดือน
· เนื้อตาย (Skin necrosis) มีโอกาสเกิดน้อย ส่วนใหญ่เกิดในกรณีผ่าตัดแก้ไขเนื่องจากมีผังผืดมาก และมีความผิดปกติของเส้นเลือดใต้ผิวหนัง
· การแข็งตัวของเกร็ดเลือดผิดปกติหรือเลือดออกง่าย ส่วนใหญ่สามารถเย็บแผลแก้ไขได้ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
การนัดผ่าตัด
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
📞 02-715-0111 (9.00-17.00)
📱 081-813-6144
📧 consult@pai.co.th
Facebook preechasurgery
LINE @paisurgery