ศัลยกรรมตกแต่งจมูก
(Rhinoplasty/Nose Augmentation)
ปัจจุบันเราไม่อาจปฎิเสธได้ว่า หนึ่งในศัลยกรรมที่ช่วยสร้างเสน่ห์ และทำให้ใบหน้าชวนมอง คือจมูก บางคนจมูกใหญ่ สันจมูกสูงมีฮั้ม (Hump) จมูกคด จมูกแหลม จมูกยาวเกินไป จมูกเอียง ฯลฯ ทำให้ขาดความมั่นใจ อยากได้จมูกที่มีขนาดและรูปทรงรับกับใบหน้า ซึ่งลักษณะรูปทรงจมูกของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ ความแตกต่างของเชื้อชาติ กรรมพันธุ์ เพศกำเนิด และโครงสร้างของจมูก
ปัจจุบันมีเทคนิคการผ่าตัดมากมายหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้เทคนิคศัลยกรรมตกแต่งเสริมจมูกที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ปัญหาของคนไข้แต่ละราย บางกรณีอาจจะต้องใช้หลายเทคนิคร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจสูงสุด คนไข้จึงจำเป็นต้องเข้ามาปรึกษาเเพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
ผู้ที่เหมาะสมในการผ่าตัดเสริมจมูก
· ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากโครงกระดูกโตเต็มที่เเล้ว
ข้อจำกัดในการผ่าตัดเสริมจมูก
· การผ่าตัดเพื่อแก้ไข หรือเพื่อเสริมความงามก็ตาม ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะผิวหนัง อายุ รูปทรง และความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับจมูก ดังนั้นคนไข้จึงควรปรึกษาศัลยแพทย์ถึงขั้นตอน และข้อจำกัดเหล่านี้อย่างละเอียดก่อนการผ่าตัดทุกครั้ง
วิธีการศัลยกรรมตกแต่งเสริมจมูก
เทคนิคของ PAI มี 3 แบบ ดังนี้
1. การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique)
คือ การเสริมจมูกแบบผ่าตัดในรูจมูก โดยศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลด้านเดียว หรือทั้งสองด้านก็ได้ บริเวณด้านในของโพรงจมูก และบริเวณปีกจมูก จากนั้นทำการเลาะโพรงจมูก เพื่อสร้างช่องว่างที่สันจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูกจมูก แล้วจึงนำแท่งซิลิโคนที่ได้เหลาให้เข้ากับโครงหน้าของคนไข้สอดเข้าไปในตำแหน่งที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันมากในเมืองไทย
ข้อดี
· ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของจมูกมากนัก
· ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน
· แผลเล็ก และไม่มีแผลเป็นด้านนอก ไม่บวมมากหลังผ่าตัด
· ดูแลรักษาง่าย
เหมาะกับใคร
· ผู้ที่ต้องการเสริมจมูกเป็นครั้งแรก หรือมีลักษณะสันจมูกไม่สูง และไม่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างจมูก
2. การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique)
คือ การเสริมจมูกแบบการเลือกที่จะผ่าตัดทั้งในจมูก นอกจมูก และบริเวณฐานจมูก โดยศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผล จากนั้นทำการเลาะโพรงจมูก เพื่อสร้างช่องว่างระหว่างผิวหนังออกจากโครงสร้างจมูก ทำให้สามารถเห็นโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การปรับแต่งหรือแก้ไขรูปร่างจมูกทำได้อย่างตรงจุด เช่น ตัดแต่งกระดูกจมูกเดิมที่เบี้ยว หรือการตะไบสันจมูกนูน หรือฮัมพ์ (Hump) หรือการเสริมกระดูกอ่อนบริเวณปลายจมูก เป็นต้น ซึ่งเทคนิคนี้มีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง จึงต้องผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
เหมาะกับใคร
· ผู้ที่ต้องการเสริมจมูกเป็นครั้งแรก
· ผู้ที่ต้องการแก้ไขจมูกที่เคยเสริมมาก่อน
ข้อจำกัดในการผ่าตัด
· ใช้เวลาผ่าตัดค่อนข้างนาน
· เกิดอาการบวมช้ำได้นานกว่าการเสริมจมูกแบบปิด บางครั้งอาจต้องใช้ยาสลบร่วมด้วย
· ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก
พีเอไอเลือกใช้ซิลิโคนอเมริกา (USA Silicone) เป็นซิลิโคนแท่งเกรดเอ ที่มีมาตรฐาน คุณภาพดี มีความปลอดภัยสูง มีความบริสุทธิ์ 100 % (Medical Grade Silicone) เนื้อของซิลิโคนเนียนละเอียด มีความนุ่ม และมีสีขาว ซึ่งเหมาะสำหรับการผ่าตัดเพื่อความสวยงามในการเสริมจมูกเท่านั้น ซิลิโคนจะมีลักษณะเป็นแผ่นใหญ่ โดยทางคลินิกหรือศัลยแพทย์เหลาเอง เพื่อให้เหมาะกับจมูกของคนไข้แต่ละราย
ข้อดีของซิลิโคนแบบเหลาเอง
· สามารถปรับรูปทรงให้เหมาะกับจมูกของคนไข้ และยังสามารถออกแบบรูปทรงจมูกได้ดี ไม่ว่าจะต้องการให้โด่งมาก โด่งน้อย หรือปลายหยดน้ำ
3. ศัลยกรรมเสริมจมูกโดยใช้กระดูกอ่อนหลังหู
เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาปลายจมูกเชิด เนื้อปลายจมูกน้อย ปลายจมูกสั้น จึงต้องใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูมาช่วยเสริมรองตำแหน่งที่ปลายจมูกเอาไว้ เพื่อให้จมูกเข้ารูป ดูมีความเป็นธรรมชาติ เทคนิคนี้จะช่วยเสริมให้ปลายจมูกโด่ง และป้องกันการทะลุของซิลิโคนที่ปลายจมูก
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดเสริมจมูก
1. ควรปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงความต้องการและความเป็นไปได้
2. เตรียมร่างกายให้พร้อม หากมีโรคประจำตัว โปรดแจ้งศัลยแพทย์ล่วงหน้า
3. งดยา ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Ibuprofen อย่างน้อย 5 วันก่อนการผ่าตัด
4. งดวิตามิน หรือสมุนไพรที่ทานเป็นประจำ เช่น วิตามินอี เพราะจะทำให้เลือดหยุดยาก
5. งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
ระยะเวลาในการผ่าตัดเสริมจมูก
การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique)
· ระงับความรู้สึกด้วยยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง
การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique)
· ระงับความรู้สึกด้วยการดมยาสลบ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2-3 ชั่วโมง
การดูแลและการพักฟื้นหลังผ่าตัดเสริมจมูก
1. หลังจากเย็บปิดบาดแผล ศัลยแพทย์จะคลุมสันจมูกด้วยพลาสเตอร์หลายๆ ชั้น หรือเฝือกอ่อนเพื่อพยุงรูปทรงของจมูกในระหว่างพักฟื้น ซึ่งสามารถแกะพลาสเตอร์ หรือวัสดุที่ปิดแผลออกในวันที่ 3 หลังจากวันผ่าตัด
2. อาจมีน้ำเหลือง หรือเลือดจางๆ ออกจากแผลภายในรูจมูก ให้ใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำสะอาด เช็ดในโพรงจมูกเบาๆ วันละ 2-3 ครั้ง แต่ห้ามขยี้ ในกรณีที่มีเลือดออกมาก ปวดบวมมากขึ้นเรื่อยๆ หรือจมูกมีสีแดงผิดปกติ ให้รีบปรึกษาแพทย์
3. 1-3 วันแรกหลังผ่าตัด แนะนำให้นอนหนุนหมอนสูงอย่างน้อย 15-30 องศา และประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมช้ำบริเวณจมูก หรือใบหน้า
4. รับประทานยาตามคำเเนะนำของศัลยเเพทย์
5. 1-2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด อาการบวมหรือเขียวคล้ำจะหายไป จมูกจะเริ่มเข้าที่ประมาณ 1-3 เดือน และดูเป็นธรรมชาติประมาณ 3–6 เดือน
6. หลังการผ่าตัดแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน และไปทำงานได้ปกติ
แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่าง
· หลีกเลี่ยงการสัมผัสแรงๆ เช่น การเเคะ การกระแทกจมูก การสั่งน้ำมูก และการขยี้จมูก
· งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
· หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ช่วง 3 สัปดาห์แรก
· หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เค็มจัด
· หลีกเลี่ยงการสวมแว่นในช่วง 6-8 สัปดาห์แรก หากมีความจำเป็นสามารถใช้เทปติดขอบแว่นไว้ที่หน้าผาก
ความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อน
· การติดเชื้อที่แผล (infection) หรือการทำความสะอาดที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดคราบเลือดบริเวณแผลผ่าตัด
โดยปกติแล้ว โอกาสการติดเชื้อค่อนข้างต่ำ (น้อยกว่า 1%)
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลแผลผ่าตัดของคนไข้ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก รวมทั้งปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกาย และ ภูมิต้านทานของคนไข้แต่ละรายด้วย
· เลือดคั่ง (Hematoma) ทำให้เกิดการบวมมาก หากภายใน 7 วันยังบวมอยู่ ให้นัดเพื่อเข้ามาพบศัลยแพทย์โดยทันที
· มีโอกาสเกิดแผลเป็น
· ผลข้างเคียงจากการดมยาสลบ ช่วง 1-2 วันหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ การพักผ่อนที่เพียงพอ จะช่วยให้หายเร็วขึ้น
· อาการบวม (Edema) จะลดลงหลังจากการผ่าตัด 2 สัปดาห์ และรูปทรงจมูกจะค่อยๆ เข้าที่ เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นภายใน 6–12 เดือน
· เนื้อตาย (Skin necrosis) มีโอกาสเกิดน้อย ส่วนใหญ่เกิดในกรณีผ่าตัดแก้ไขเนื่องจากมีผังผืดมาก และมีความผิดปกติของเส้นเลือดใต้ผิวหนัง
· การแข็งตัวของเกล็ดเลือดผิดปกติหรือเลือดออกง่าย ส่วนใหญ่สามารถเย็บแผลแก้ไขได้ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
คำถามที่พบบ่อย
❔ จมูกเอียงเกิดขึ้นได้อย่างไร และควรทำอย่างไร
✅ เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น จากพื้นฐานจมูกเดิมของคนไข้ที่เอียงอยู่แล้ว เมื่อมีการเสริมทำให้ความเอียงเห็นชัดขึ้น หรือเกิดจากการจับตัวของพังพืดทำให้ซิลิโคนไม่ได้วางอยู่ในที่ถูกต้อง หรือเกิดจากการชน การกระแทก การจับจมูกแรงๆ หากตรวจพบควรนัดเพื่อเข้ามาพบศัลยแพทย์โดยทันที โดยในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ศัลยแพทย์จะช่วยปรับให้เข้าที่ได้ หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจต้องผ่าตัดใหม่เพื่อแก้ไข
❔ อาการอักเสบ เจ็บ บวมแดง บริเวณจมูก เกิดขึ้นได้อย่างไร และควรทำอย่างไร
✅ เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด การอักเสบของผิวหนังบริเวณใกล้เคียง หากตรวจพบควรนัดเพื่อเข้ามาพบศัลยแพทย์โดยทันที
❔ หากเคยทำจมูกแล้ว หรือเคยฉีดวัสดุแปลกปลอมเข้าไปในจมูก จะแก้ไขได้หรือไม่
✅ สามารถแก้ไขได้
· ในกรณีที่เคยทำมาแล้ว ศัลยแพทย์จะดูความเหมาะสมว่าจะแก้ไขให้ได้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากศัลยแพทย์ตกแต่งไม่เคยเห็นโครงสร้างเดิมของคนไข้มาก่อน การแก้ไขจึงเป็นงานที่ยากขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง อีกทั้งผลลัพธ์ที่ออกมาอาจไม่ได้ดังที่ควรเป็น
· สำหรับการฉีดวัสดุแปลกปลอมเข้าไปในจมูกนั้น ถ้าเป็นซิลิโคนเหลวจะค่อนข้างอันตราย เพราะซิลิโคนเหลวจะเข้าไปจับกับเนื้อเยื่อของจมูกและก่อตัวให้เกิดเป็นพังผืดขึ้นในเวลาต่อมา อาจมีอาการบวมแดง อักเสบ หรือในบางรายเนื้อเยื่ออาจจับตัวกันเป็นก้อน ทำให้ยากต่อการเอาซิลิโคนออกให้หมด ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ได้ดั่งที่คาดหวัง
รีวิวก่อนหลังการผ่าตัดเสริมจมูก
การนัดผ่าตัด
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
📞 02-715-0111
(9.00-17.00)
📱 081-813-6144
📧 consult@pai.co.th
Facebook preechasurgery
LINE @paisurgery